อาณาจักรหริภุญไชย เป็นหนึ่งในอาณาจักรโบราณในบริเวณภาคเหนือของประเทศไทย ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดลำพูน ตามตำนานจามเทวีวงศ์โบราณได้บันทึกไว้ว่า ฤๅษีวาสุเทพ เป็นผู้สร้างเมืองหริภุญไชยขึ้นในปี พ.ศ.๑๓๑๐ แล้วต่อมาได้อัญเชิญพระนางจามเทวี ขึ้นไปปกครอง พระนางจามเทวีทรงสถาปนาความรุ่งเรืองและทรงปกครองเมืองหริภุญไชยด้วยทศพิธราชธรรม ถือว่าพระนางทรงเป็นจอมนางปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชยอย่างแท้จริง ปัจจุบันมีโบราณสถานที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับพระนางที่ยังหลงเหลือปรากฏให้เห็นอยู่หลายแห่ง ในที่นี้ผู้เขียนใคร่ขอนำเสนอโบราณสถานแห่งหนึ่งที่มีความสัมพันธ์อันเกี่ยวเนื่องกับพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชยนั่นก็คือ วัดจามเทวีหรือวัดกู่กุดนั่นเอง
วัดจามเทวี หรือ วัดกู่กุด ปัจจุบันตั้งอยู่บนถนนจามเทวี หมู่ ๕ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ตามตำนานพิ้นเมืองฉบับนายสุทธวารีกล่าวไว้ว่า ภายหลังพระราชพิธีราชาภิเษกพระเจ้ามหันตยศและพระเจ้าอนันตยศพระโอรสทั้งสองของพระนางจามเทวีแล้ว พระนางก็ทรงสละพระราชอำนาจและพระราชภาระทางบ้านเมืองทุกอย่าง ทรงหันพระพักตร์เข้าสู่ทางธรรม และทรงสร้างวัดวาพระอารามต่างๆไว้มากมายสำหรับไว้บำเพ็ญศีลภาวนา และวัดที่พระนางทรงเลือกเป็นที่ประทับสุดท้ายนั้น จากตำนานหลายฉบับระบุตรงกันว่าวัดดังกล่าวคือ วัดจามเทวี ในปัจจุบันนั่นเอง
และจากตำนานพิ้นเมืองฉบับนายสุทธวารียังระบุอีกว่า หลังจากพระนางสวรรคตมีการเก็บพระศพไว้ ๒ ปีจึงถวายพระเพลิง จากนั้นพระโอรสของพระนางจึงนำพระอัฐิไปบรรจุไว้ที่วัดจามเทวี โดยก่อเจดีย์ประดิษฐานพระอัฐิไว้ เรียกว่า “สุวรรณจังโกฏิเจดีย์” หรือที่นิยมเรียกว่าเจดีย์กู่กุดในปัจจุบันนี้นั่นเอง ภายในเจดีย์นั้นนอกจากเป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิแล้ว ยังได้บรรจุเครื่องประดับของพระนางไว้อีกด้วย รวมทั้งบรรจุงาช้างคู่พระบารมีของพระนางไว้ด้วยกัน สุวรรณจังโกฏิเจดีย์จึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของ หริภุญไชยต่อมาจนถึงทุกวันนี้
ภายในวัดจามเทวีมีเจดีย์เก่าแก่อยู่ ๒ องค์ คือ เจดีย์สุวรรณจังโกฏิ หรือ เจดีย์กู่กุด ซึ่งมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นเจดีย์ที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมก่อด้วยศิลา ฐานเขียงของเจดีย์รวมทั้งเรือนธาตุมีลักษณะสี่เหลี่ยม เรือนธาตุซ้อนเรียงกัน ๕ ชั้น สอบเล็กลงตามลำดับขึ้นไป แต่ละชั้นมีเจดีย์ประดับทิศทั้งสี่ และที่มุมทั้งสี่ของเจดีย์แต่ละชั้นมีเจดีย์เหลี่ยมขนาดเล็กประดับประจำทุกมุม ใหญ่เล็กลดหลั่นกันขึ้นไป และแต่ละชั้นจะมีซุ้มจระนำด้านละ ๓ ซุ้ม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางประธานอภัยปูนปั้น รวม ๖๐ องค์ ซุ้มจระนำทำเป็นซุ้มโค้งแบบสองหยัก ส่วนยอดบนสุดได้หักหายไป ชาวบ้านจึงนิยมเรียกเจดีย์องค์นี้ว่า เจดีย์กู่กุด
และนอกจากนั้นภายในวัดยังมีเจดีย์อีกองค์คือ รัตนเจดีย์ ซึ่งมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป สามารถแบ่งได้เป็นสามส่วนคือ ส่วนฐานประกอบด้วยฐานแปดเหลี่ยมซ้อนกันสองชั้น ถัดขึ้นไปเป็นชั้นบัวถลารองรับองค์เรือนธาตุ โดยส่วนล่างของเรือนธาตุทำเป็นฐานลดท้องไม้ลงเล็กน้อยจากระดับผนังของเรือนธาตุ ส่วนเรือนธาตุมีลักษณะเป็นรูปแปดเหลี่ยมทรงสูง ประดับซุ้มจระนำ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืน ซุ้มมีลักษณะเป็นวงโค้งสามวง ภายนอกประกอบด้วยทรงฝักเพกา หรือเรียกว่า ซุ้มเคล็ก ส่วนยอดถัดจากตัวเรือนธาตุขึ้นไป เป็นบัวถลาลดท้องไม้สองชั้น ขนาดเล็กลดหลั่นกันขึ้นไปเล็กน้อย รองรับฐานแปดเหลี่ยมเตี้ยๆ มีลักษณะลดท้องไม้เช่นกัน แต่ที่บริเวณท้องไม้แต่ละด้านจะมีซุ้มทรงสามเหลี่ยม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิ ถัดขึ้นไปเป็นชั้นลวดบัวรองรับองค์ระฆังทรงกลม ส่วนยอดบนสุดหักหายไปแล้ว
วัดจามเทวี เป็นวัดสำคัญเก่าแก่ของเมืองลำพูน มีอายุและประวัติความเป็นมาที่ยาวนานสามารถสืบค้นถึงการสร้างเมืองหริภุญไชยได้ ด้วยความที่วัดนี้มีโบราณสถานที่สำคัญคือเจดีย์เก่าแก่ทั้งสององค์ที่ยังหลงเหลือสามารถอยู่รอดพ้นเงื้อมมือข้าศึกมาได้หลายยุคหลายสมัยจนทุกวันนี้ และยังมีสภาพที่สมบูรณ์ ทั้งยังมีความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์ของอาณาจักรหริภุญไชย วัดแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวลำพูนอีกแห่งหนึ่ง
อ้างอิง
กิตติ วัฒนะมหาตม์. (๒๕๓๓). จอมนางหริภุญไชย. กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊ค.
เพ็ญสุภา สุขคตะ ใจอินทร์. (๒๕๔๘). เจดีย์กู่กุฏิวัดจามเทวี คือสุวรรณจังโกฏหรือสันมหาพล?. วารสารราชบัณฑิตยสถาน, ๓๐ (๒), ๓๓๗-๓๕๔.
สอนสุพรรณ, (นามแฝง). (๒๕๕๑). ประติมากรรมเทวดา : สกุลช่างหริภุญไชย (๑). สืบค้นเมื่อ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๗ ,จาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=199418
สำนักงานสรรพากรพื้นที่ลำพูน. (๒๕๔๔). วัดจามเทวี. สืบค้นเมื่อ ๒๐ มกราคม ๒๕๓๗ ,จาก http://www.rd.go.th/lamphun/58.0.html
เจดีย์วัดกู่กุด หรือ เจดีย์สุวรรณจังโกฏิ
พระพุทธรูปปูนปั้นภายในซุ้ม
รัตนเจดีย์
No comments:
Post a Comment