วัดป่าภูก้อน จังหวัดอุดรธานี

โดย ประภาพร อรดี

แต่ไหนแต่ไรมา ประเทศไทยไม่เคยขาดพระภิกษุสงฆ์ ผู้คงแก่เรียนและเต็มไปด้วยวิถีปฏิบัติ ที่ชอบ ที่ควร ตามรอยขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นแบบอย่างให้แก่เราชาวพุทธบริษัท พุทธสถานก็เช่นเดียวกัน เรามีวัด และสถานปฎิบัติธรรมอยู่มากมายทั่วประเทศ เพื่อใช้ในการเรียนรู้ ศึกษาพระธรรม และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่มีความเก่าแก่ หรือสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ในตัวเมือง หรือสถานที่ที่อยู่ตามชนบท หรือรายล้อมไปด้วยความเป็นธรรมชาติก็ตาม ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญต่อจิตใจ และมีความน่าเลื่อมใสในตัวเอง จากกระแสความศรัทธาของผู้คนที่มีมาอย่างยาวนานหลายพันปี

แต่หากจะกล่าวถึง พุทธสถาน ที่เป็นทั้งศูนย์รวมจิตใจ เปี่ยมล้นไปด้วยความศรัทธาที่หลั่งไหลมากจากทั่วทุกสารทิศ ที่รายล้อมไปด้วยป่าเขาที่เขียวขจีบนพื้นที่กว่า 3000 ไร่ แหล่งต้นน้ำลำธารอันอุดมสมบูรณ์ รวมไปถึงสถาปัตยกรรมที่สวบงามสะดุดุตา มีการตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา มีเสน่ห์และความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร หนึ่งเดียวในแถบภาคอีสานตอนบน แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึง “ป่าห่มศรัทธา วัดป่าภูก้อน จังหวัดอุดรธานี”


ที่มา: http://www.naiia.org/post/

วัดป่าภูก้อน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ท้องที่บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี อันเป็นรอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย กำเนิดขึ้นจากการดำริชอบของพุทธบริษัทสี่ ผู้ตระหนักถึงคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและป่าต้นน้ำลำธาร ซึ่งกำลังถูกทำลาย

โดยในปี พ.ศ. 2527 พระเดชพระคุณหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ได้ไปธุดงค์ทางภาคอีสาน คุณปิยวรรณและคุณโอฬาร วีรวรรณ พร้อมคณะได้เดินทางมาแถบจังหวัดสกลนครและอุดรธานี เกิดความเลื่อมใสในปฏิปทาของพระป่า จึงได้เข้าช่วยเหลือท่านพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก สำนักสงฆ์บ้านนาคำน้อย ในการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจัดตั้งเป็นวัดป่านาคำน้อย และปลูกป่าทดแทนฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมกว่า 750 ไร่ อย่างถูกต้องตามระเบียบของกรมป่าไม้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมและอยู่อาศัยของพระสงฆ์ จากนั้นท่านพระอาจารย์อินทร์ถวายได้พาไปดูป่าภูก้อนที่กำลังถูกสัมปทานตีตราตัดไม้ คณะศรัทธาจึงได้ตัดสินใจสร้างวัด โดยกราบอาราธนาท่านพระอาจารย์ชาลี ถิรธัมโม (ปัจจุบันเป็นพระครูจิตตภาวนาญาณ) เป็นประธานและขวัญกำลังใจในการก่อสร้าง และได้ทำเรื่องขอใช้ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาตินายูง-น้ำโสม เพื่อสร้างวัดในเนื้อที่ 15 ไร่ จากกรมป่าไม้ ต่อมาได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกรมการศาสนา จนได้รับอนุญาตให้สร้างวัดในวันที่ 3 กรกฎาคม 2530 และมีประกาศกระทรวงศึกษาธิการตั้งเป็น 'วัดป่าภูก้อน' ขึ้นในพระพุทธศาสนาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2530



ปัจจุบันนี้วัดมีศาลาอุโบสถ 2 ชั้น 1 หลัง ซึ่งเป็นที่ประกอบพิธีสงฆ์ชั้นบนและเป็นที่ฉันชั้นล่าง มีกุฏิพระ 45 หลัง เรือนครัว 1 หลัง เรือนพักฆราวาส 6 หลังถังเก็บน้ำคอนกรีต 20 ถัง และห้องน้ำจำนวนมาก โดยใช้ระบบประปาภูเขา จากฝายเก็บน้ำดินขนาดเล็กที่เป็นแหล่งต้นน้ำซับและน้ำตกในวัด ซึ่งต่อมากรมชลประทานได้บูรณะถวายให้แข็งแรงถาวรในปี 2538 และวัดยังได้ต่อระบบประปาไปถึงหมู่บ้านนาคำที่อยู่ห่างจากวัดไป 4 กม. เพื่อให้ชาวบ้านมีแหล่งน้ำใช้อย่างสะดวกและสะอาด

ด้วยความสง่างามและความศักดิ์สิทธิ์ของอาณาเขตพุทธอุทยาน และป่าสงวนแห่งชาติบนเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ ที่กรมป่าไม้ได้ให้วัดป่าภูก้อนช่วยดูแลงานด้านป่าไม้ (เพิ่มขึ้นจากพื้นที่พุทธอุทยานเดิมอีก 2,000 ไร่) เพื่อรักษาป้องกันไฟป่าและการบุกรุกทำลายป่าล่าสัตว์ วัดป่าภูก้อนจึงเป็นที่สงบสัปปายะ วิเวกควรแก่การบำเพ็ญภาวนารักษากายวาจาและจิตใจในกรรมฐานเป็นที่สุด ดังมีผู้ได้พบเห็นหลักฐานความอัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งนี้อยู่เสมอ คณะศรัทธา จึงร่วมกันดำริสร้างพระมหาเจดีย์ นามว่า "พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์"


ที่มา: http://www.tamdoo.com/

ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” ที่สร้างเนื่องในวโรกาสมหามงคลที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ พระพุทธรูปปางไสยาสน์แนวนอนความยาวกว่า 20 เมตร ที่ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 6 ปี และเต็มไปด้วยตำนานเล่าขาน ตั้งแต่การได้มาของหินอ่อนขาวบริสุทธิ์จากประเทศอิตาลี ซึ่งนำมาใช้เป็นส่วนของเศียรพระ รวมถึงงานแกะสลักอันวิจิตรตระการตาราวกับมีชีวิต จากนั้นแวะขึ้นไปกราบนมัสการ “องค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์” เจดีย์ที่ชั้นบนสุดเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

ในปัจจุบันนี้ วัดป่าภูก้อนดำรงคงอยู่ด้วยความสมดุลของป่าไม้ที่ทวีความอุดมสมบูรณ์ขึ้นทุกคืนวัน โดยบุคคลผู้มีความศรัทธาและระลึกคุณของสรรพสิ่งทั้งหลายของชาติและแผ่นดินอันเป็นที่กำเนิดแห่งชีวิต โดยมีคุณพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องสำนึก และมีพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ที่ชาวไทยทุกคนควรทดแทน เป็นกำลังใจส่งเสริมพระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบให้ดำรงปฏิปทาของพระป่ากรรมฐานเพื่อบูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จนถึงที่สุด

การเดินทางไปวัดป่าภูก้อน จากตัวเมืองจังหวัด อุดรธานี ให้ออกทางหลวงเส้นจังหวัดหนองคาย ไปถึงหลักกิโลเมตรที่ 13 แยกซ้ายไป อ.บ้านผือ อ.นายูง จนถึง บ.นาคำใหญ่ จะมีทางเลี้ยวเข้าวัดป่าภูก้อน รวมแล้วระยะทางจากตัวเมืองอุดรธานี ถึงวัดป่าภูก้อน 125 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที รถทุกชนิดสามารถขึ้นได้ยกเว้นรถบัสคันใหญ่ต้องจิดไว้ตรงปากทางขึ้นแล้วใช้บริการรถสองแถวขึ้นไปยังวัด เสียค่าบริการ คนละ 20 บาท

อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า วัดป่าภูก้อน เป็นพุทธสถานที่สวยงาม วิจิตรตระการตา อย่างมีเอกลักษณ์ และทรงคุณค่าคู่ควรแก่การเยี่ยมชม และสักการบูชา รวมถึงการแสดงกตัญญูกตเวทิตาแด่คุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และบูรพอาจารย์กรรมฐานในแถบอีสาน ทั้งยังเป็นมงคลสถานที่พุทธศาสนิกชน จะได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของป่าไม้อันให้ประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นที่ปฏิบัติขัดเกลาจิตใจ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวอีสาน ซึ่งควรร่วมกันส่งเสริมรักษาอย่างจริงจังตลอดไป



อ้างอิง

กาลครั้งหนึ่ง...ในถิ่นอีสาน จากอุดรฯ ถึงหนองคาย “สัมผัสป่าห่มศรัทธา-ชมเกล็ดพญานาคริมโขง” Retrieved 19 กันยายน 2558, from http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000010748

ประวัติวัดป่าภูก้อน Retrieved 19 กันยายน 2558, from http://www.watpaphukon.org/history/

วัดป่าภูก้อน Retrieved 19 กันยายน 2558, from http://www.flydrivethai.com/index.php/relaxing-car-drive/10-dreamdestinations/dreamdestinations-2/dreamdestinations-watpaphukon

No comments:

Post a Comment